วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ระบบการชำระเงินของประเทศไทย


ระบบการชำระเงินของประเทศไทย1.    ชำระเงินผ่านผู้ให้บริการรับชำระเงิน-     Paypal.com เป็นบริษัทออนไลน์ที่ให้บริการระบบโอนและชำระเงินผ่าน E-mail ระหว่างผู้บริโภคกับผู้บริโภค (C2C)-     Counter Services เป็นบริการที่ลูกค้าสามารถไปชำระค่าบริการต่างๆ ผ่านหน้าเคาน์เตอร์2.    ระบบโอนเงินรายย่อย (Online Retail Fund Transfer  หรือ ORFT) คือการโอนเงินข้ามบัญชีระหว่างธนาคาร โดยทำธุรกรรมผ่านเครื่อง ATMข้อจำกัด  จำนวนเงินในการโอนแต่ละวันต้องไม่เกินครั้งละ 20,000 บาท และโอนได้วันละไม่เกิน 100,000 บาท3.     ระบบโอนเงินรายใหญ่ (BAHTNET)-      ธนาคารแห่งประเทศไทยได้สร้างเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างสถาบันการเงิน ชื่อ BAHTNET-      บริการหลัก คือ การโอนเงินระหว่างสถาบันการเงิน โดยเน้นที่มูลค่าธุรกรรมขนาดใหญ่ ผู้รับเงินสามารถถอนเงินจากบัญชีได้ทันที-      วิธีการชำระเงินแบบมีผลทันที หรือ Real Time Gross Settlement (RTGS)4.      ระบบโอนเงินรายย่อย (Media Clearing) ให้บริการเช่นเดียวกับระบบ BAHTNET แต่มีข้อแตกต่างที่สำคัญ คือ                1.  ระบบ Media Clearing เป็นระบบชำระเงินรายย่อยซึ่งมีมูลค่าไม่เกิน 500,000 บาท                2.  ระบบนี้ไม่มีการโอนเงินแบบมีผลทันที แต่จะรวบรวมธุรกรรมไว้จนถึง   สิ้นวันจึงมีการส่งข้อมูลเข้าทำการชำระบัญชีระหว่างธนาคาร ซึ่งฝากไว้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย5.     ระบบโอนเงิน EDI หรือ Financial Electronic Data Interchange (FEDI) เป็นมาตรฐานรูปแบบข้อมูลทางการค้าที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เช่น การขอใบเสนอราคา การส่งคำสั่งซื้อ การส่งใบขนส่ง การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้าในรูปแบบ EDI มักกระทำกันระหว่างองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่6.     ระบบบัตรเครดิต (Credit Card)บัตรเครดิต มี 2 ประเภทใหญ่ ๆ ในประเทศไทย คือ                1.  บัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารในประเทศ ซึ่งมีขอบเขตการใช้งานและร้านค้าที่รับบัตรน้อย                2.  บัตรเครดิตที่บริหารโดยบริษัทต่างประเทศ เช่น VISA และ MASTER7.      ระบบบัตรเดบิต (Dabit Card)บัตรเดบิตเป็นส่วนผสมระหว่างบัตร ATM และบัตรเครดิต โดยผู้ใช้บัตรจะต้องมีบัญชีเงินฝากจากธนาคารก่อน เมื่อต้องการใช้เงิน ผู้ถือบัตร     เดบิตสามารถถอนเงินจากเครื่อง ATM โดยใช้บัตรของตนเช่นเดียวกับบัตร ATM  ส่วนที่คล้ายบัตรเครดิต คือ ผู้ถือบัตรสามารถใช้บัตรเดบิตในการชำระราคาสินค้าหรือบริการตามร้านค้า โดยธนาคารจะหักบัญชีเงินฝากของเจ้าของบัตรเดบิต ไปสู่บัญชีร้านค้าในทันที8.             ธนาคารอินเทอร์เน็ต (Internet Banking) เป็นระบบธนาคารที่อนุญาตให้ลูกค้า ซึ่งมีบัญชีเงินฝากกับธนาคาร สามารถทำธุรกรรมบางประเภทกับธนาคารได้ โดยผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตธนาคารอินเทอร์เน็ตให้บริการเกี่ยวกับวิธีการการชำระเงิน

1.  การดูยอดเงินฝากธนาคาร2.  การโอนเงินในบัญชีระหว่างบัญชีออมทรัพย์และบัญชีกระแสรายวัน                3.  ธนาคารร่วมกับผู้ให้บริการสาธารณูปโภค อนุญาตให้ผู้ใช้บัญชีธนาคารอินเทอร์เน็ต ชำระค่าบริการโดยหักเงินจากบัญชีธนาคารไปสู่ผู้ให้บริการ9.             ระบบโอนเงินผ่านที่ทำการไปรษณีย์  ในขณะนี้ที่ทำการไปรษณีย์ มีการให้บริการ Pay at Post ซึ่งเป็นการรับชำระเงินจากผู้ใช้บริการหลายราย ไปส่งมอบแก่ผู้ให้บริการเพียงบริษัทเดีย
  • การชำระเงินของ B2C สามารถแบ่งได้เป็นดังต่อไปนี้

1. ระบบโอนเงินรายย่อย Media clearing โดยหักค่าบริการครั้งละ10บาทโอนเงงนได้ไม่เกินครั้งละ500,000บาท2. บัตรเครดิต Credit card เป็นการใช้เงินฝากในอนาคตเพื่อซื้อของปัจจุบันจะมีผู้ให้บริการรายใหญของโลคเช่น nisa master card3. ระบบแสดงใบเรียกเก็บเงินและชำระเงิน eBPP ปัจจุบันมีผู้ให้บริการในประเทศไทยเพียงรายเดียวคือAdvance Business exchange ไม่ค่อยได้รับนิยมเพราะถ้าจะใช้บริการต้องทำสัญญากับบริษัทเจ้าของบริการก่อนทำให้เกิดความไม่สะดวก4.ระบบเช็ค ECS5. ระบบชำระเงินพาณิชย์อิเล็กทรอนิคส์ E-commerce payment ถ้าในผู้ใช้ทั่วไปให้ใช้บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิตในการสร้างเลขบัญชีเสมือนเพื่อทำธรุกรรมต่างๆ6. ธนาคารอินเตอร์เนต internet banking7. ระบบหักบัญชีอัตโนมัติ Direct Debit/Direct Credit เป็นที่นิยมในการหัดค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค8. ระบบโอนเงินรายย่อย ORFT ระบบนี้ถกพํฒนาโดยสมาคมธนาคราแห่งประเทศไทย9. บัตรเดบิต10. ระบบโอนเงินที่ทำการไปรษณีย์11. ระบบโอนเงินระหว่างประเทศ SWIFT12.ระบบโอนเงินระหว่างประเทศ Western Unionนอกจากนี้ยังมีระบบการจัดการชำระเงินอื่นๆ ที่มีความสะดวก ไม่ว่าจะเป็นระบบ Payment Gateway, Banking, mPay, True money ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับการทำ e-Commerce ที่ให้ความสะดวกและปลอดภัย
  • การชำระเงินของ B2B

1. ระบบโอนเงินรายใหญ่ BATHNET คิดค่าบริการโอนครั้งละ250บาทจึงเหมาะกับการใช้งานในรูปบบธุรกิจมากกว่าการใช้งานของผู้ใช้ทั่วไปโดยที่บริการบาทเน็ตทำงานผ่านระบบธนาคราแห่งประเทศไทยโดยปัจจุบันใช้ระบบ BATHNET/2 โดยที่ระบบใหม่นี้สารมารถทำธุรกรรมส่งมอบและชำระราคาพร้อมกันได้แบบมีผลทันที2.ระบบเช็ค ECS3. ระบบชำระเงินพาณิชย์อิเล็กทรอนิคส์ E-commerce payment โดยที่ระบบนี้ก็ยังเหมาะกับบริษํทั่วไปที่จัดการด้านการซื้อขายต่างๆ4. ธนาคารอินเตอร์เนต internet banking5. ระบบโอนเงิน EDI ถือว่าเป็นระบบที่มีมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น